ศาสตร์ของไก่ชนที่บางท่านไม่เคยได้รู้ได้ยินมาก่อน

สวัสดีคับพี่น้องชาวสายตีทุกท่าน วันนี้ผมจะพาท่านมาศึกษาเกี่ยวกับ ศาสตร์ของไก่ชนที่บางท่านไม่เคยได้รู้ได้ยินมาก่อน ผมบอกเลยว่า ท่านต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน แต่คงไม่เกินความสามารถของท่านที่จะนำแนวทางที่ผมให้ไปพิสูจน์หรือทดลองให้รู้ให้เห็นกับตาของท่านเอง วันนี้ผมขอนำเสนอศาสตร์เกี่ยวกับการดูยศของไก่ชน ยศไก่ชนคืออะไร ไก่ชนมีระดับยศด้วยหรือ ผมบอกได้เลยคับว่า ไม่มี 5555 แต่ที่ผมพูดอย่างนี้เป็นเพียงการเปรียบเทียบให้เห็นว่า ไก่ชนเขาจะกลัวหรือยำเกรงต่อกันเขาดูกันตรงไหน ผมขอออกตัวไว้ก่อนเลยคับว่า ผมไม่ใช้นักวิทยาศาสตร์ เพียงแค่ผมจำมาจากคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่แล้วผมนำมาตั้งเป็นข้อสังเกตว่า สัตว์ทุกชนิดจะกลัวหรือยำเกร่งต่อกัน จนเกิดลำดับชั้นของสมาชิกในกลุ่ม จึงเป็นที่มาของคำว่า “จ่าฝูง” การแย่งตำแหน่งจ่าฝูงของสัตว์เพื่อให้มีสิทธิ์ขาดในอาหาร ที่อยู่ หรือการสืบพันธุ์นั้น จนเกิดการต่อสู้ สัตว์ส่วนใหญ่จ่าฝูงจะเป็นเพศผู้ บางชนิดจะเป็นเพศเมียก็มี แต่ไก่ชนนั้น จ่าฝูงจะเป็นเพศผู้ การแย่งตำแหน่งจ่าฝูงของไก่ชน เขาจะดูกันจากอายุ โครงสร้าง หรือการต่อสู้เพื่อชัยชนะ แต่มีอีกอย่างหนึ่งที่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ได้ทำการวิจัย

แต่คนโบราณเขาบอกต่อ ๆ กันมาก็คือ สกุล คำว่าสกุล ก็คือการถ่ายทอดทางสายเลือดนั้นเอง สายเลือดที่ว่านี้จะแสดงทางกายภาพภายนอกก็คือลักษณะ-สีสัน ส่วนภายภาพภายในก็คือ ชั้นเชิง วันนี้เราจะไม่พูดถึงชั้นเชิง แต่เราจะมาพูดถึงสีสันกันคับ การดูลักษณะสีไก่ชนคนทั่วๆไปคงเขียนและพูดถึงกันเยอะ แต่มีอีกหนึ่งศาสตร์ที่อาจารย์หรือกรรมการตัดสินการประกวดยังไม่รู้ก็คือยศของไก่ชน คนเราจะดูชั้นยศก็ต้องดูจากอินทรนู ส่วนไก่ชนนั้นคนโบราณบอกว่าต้องดูที่“สนับปีก” คับ สนับปีกนี้ละคับคือจุดที่ไก่ชนส่วนใหญ่จะใช้เป็นเกณฑ์ในการวัดลำดับชั้นในสมาชิกกลุ่ม

การดูๆอย่างไร ผมจะอธิบายอย่างนี้คับ ไก่ชนที่มีสีสนับปีกจะเป็นสีอะไรก็ได้แล้วแต่สายพันธุ์หรือตามแต่สกุลเราไม่สนใจ เราดูแค่ว่า สีสนับนั้น สีสดเพียงไร และมีความยาวมากหรือไม่ ไก่ที่มีบารมีมากๆและอนาคตจะได้เป็นจ่าฝูง คุมฝูง หรือชนชนะ สนับปีกจะมีสีสดใสยาวและใหญ่มาก ยาวจากหัวปีกจนถึงท้ายปีก และมีสีเดียวเสมอกัน จะเหลืองก็เหลืองทั้งแถบ จะแดงก็แดงทั้งเส้น จะเขียวก็เขียวทั้งปีก จะเยียก็เยียทั้งตัว มั้นต้องอย่างนี้คับ ถึงจะเป็นการเปรียบเทียบยศของไก่ หรือลำดับชั้นในสมาชิกกลุ่ม แต่ถ้ายังไม่มีตัวไหนเกรงกลัวตัวไหนก็ต้องเอามาตีกันดูคับ แต่ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ตัวที่ชนะส่วนใหญ่จะเป็นไก่ที่มีสีสนับปีกสีล้วนตามสกุลและมีความยาวมากทั้งสิ้น...สวัสดี

ความรู้ตามตำราโบราณ

ไก่ 2 สกุล

ตระกูลไก่ชนอันเป็นที่เลื่องลือกันมาช้านาน ที่ทุกบ้านต้องมีติดบ้านไว้เป็นมงคล เพราะเป็นไก่สกุลสูงต้องยกให้กับไก่เบญจรงค์และไก่เหลืองหางขาวพระเจ้าห้าพระองค์ ไก่เบญจรงค์ เป็นไก่ห้าสีในตัว คือ ขาว ดำ เขียว เหลือง แดง เป็นไก่ที่นำมาซึ่ง โชค ลาภ อำนาจ วาสนา บารมี มาสู่เจ้าของ ถือว่าเป็นไก่มงคล มีเทวดาคุ้มครองรักษา เปรียบได้กับช้างเผือกเลยทีเดียว ไก่เหลืองหางขาวพระเจ้าห้าพระองค์ เป็นไก่สกุลสูง มีย่อมกระห้าแห่งเรียกว่าห้าพระองค์ เป็นไก่มงคลที่ขุนนางชั้นสูงสมัยก่อน นิยมเลี้ยงไว้ชนและประดับบารมี นำมาซึ่งโชคลาภอำนาจและเงินทอง แม้แต่สมเด็จพระนเรศวร พระองค์ก็ทรงชื่นชอบ จึงเป็นที่มาของคำว่า ไก่เจ้าเลี้ยง ตามตำนานไก่พระนเรศวรที่ชนชนะไก่พม่าสีโยดอกหมากของพระมหาอุปราชานั้น ไก่พระนเรศวรเป็นไก่ที่มีลีลาเชิงชนแบบแปดกระบวนท่าส ิบห้ากระบวนยุทธ จะชนกี่ครั้งก็ชนะ จึงเป็นที่มาของคำว่า ไก่เหลืองหางขาวชนแต่เช้าถึงค่ำ ชนกินเหล้าเชื่อ แปลว่า ไก่เหลืองหางขาวยังไม่ทันได้ปล่อยหางก็สั่งเหล้ามากินรอได้เลย ชนที่ไหนชนะที่นั่น ชนะแน่นอน

การบริหารจัดการ โดยการนำเอา ศาสตร์ของพระราชา มาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต นั้นก็คือการนำเอา ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาปรับใช้กับชีวิตของเราอย่างสมดุลและเข้าใจ ซึ่งเศรษฐกิจพอเพียงนั้นไม่ใช่แค่การทำการเกษตรกรรมเพียงอย่างเดียว แต่เศรษฐกิจพอเพียงนั้นอยู่ในทุกชนชั้นอาชีพ ขอแค่เรารู้จักคำว่า “พอ” นั้นก็คือ ความพอดี มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน ซึ่งผมได้นำเอาปรัชญาดังกล่าวมาเป็นแนวทางการดำเนินชีวิต ปัจจุบันผมมีอาชีพรับราชการ แต่ก็ทำซุ้มไก่ชนควบคู่ไปด้วย ไม่ได้เป็นซุ้มใหญ่เหมือนใคร ๆ คิดกัน เป็นเพียงแค่ซุ้มเล็ก ๆ ที่เลี้ยงและเ พาะพันธุ์แบบธรรมชาติ รายได้จากการทำซุ้มทั้งหมดผมก็มอบให้พ่อ แม่ และญาติพี่น้อง อย่างน้อยก็เป็นรายได้เล็ก ๆ ที่ช่วยจุนเจือครอบครัวที่ทุกคนช่วยกันดูแลไก่ชน ซึ่งจุดประสงค์หลักของซุ้มมีอยู่ 2 ข้อ นั้นก็คือ 1.เพื่อการอนุรักษ์สายพันธุ์ไก่ชนเหลืองหางขาวพระเจ้าห้าพระองค์ ไก่ชนพระนเรศวร สายพันธุ์ไทยแท้ที่มีความงามและมีเชิงชนตามตำราโบราณ ซึ่งปัจจุบันคนส่วนใหญ่หลงลืมกันไป หันไปพัฒนาเฉพาะความสวยงามจนทำให้เอกลักษณ์ของสายเลือดไก่ชนไทยที่เป็นสายเลือดนักสู้เริ่ม...

วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องเกล็ดไก่พระนเรศวร ว่ามีลักษณะอย่างไร แน่นอนครับหลายคนที่ไม่ได้ศึกษาอย่างถ่องแท้ก็เข้าใจผิด ๆ คิดกันไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าเกล็ดไก่พระนเรศวรที่ดีต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ หลงประเด็นกันหมด แม้แต่ในสนามประกวดเองยังไม่เคยพูดถึงหรือให้ความหมายได้ชัดเจนเลย ผมเคยพูดอยู่เสมอว่า เกล็ดไก่เปรียบเสมือนลายมือคน คนที่มีอำนาจวาสนาบารมีก็จะมีเส้นลายมือพุ่งตั้งแต่ข้อมือถึงโคนนิ้ว เกล็ดไก่ก็เหมือนกัน ไก่ที่มีอำนาจวาสนาบารมีจะดูจากเกล็ดอะไร สำหรับคนที่เลี้ยงไก่อย่างเดียวแต่ไม่เคยสัมผัสการชนไก่หรือเปรียบไก่เลย รับรองคับอ่านไม่ออกแน่ งงละสิ เอาเป็นว่าผมจะแยกให้ตามนี้คับ การดูอำนาจจากเกล็ดไก่นั้นให้ดูจากเกล็ดหลัก ก็คือเกล็ดแข้ง ส่วน การดูวาสนาบารมีให้ดูจากเกล็ดรอง เกล็ดแข้งหลักมีดังนี้ เกล็ดแข้งพญาครุฑ เกล็ดแข้งจรเข้ขบฟัน เกล็ดแข้งพันลำ เกล็ดแข้งกำไล เกล็ดแข้งงูเหลือม ฯลฯ แน่นอนคับไก่พระนเรศวรมีอำนาจมากสุดก็ต้องเป็นแข้งพญาครุฑเท่านั้น เพราะครุฑเป็นอมนุษย์กึ่งสัตว์กึ่งเทพตามความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ มีรูปร่างครึ่งนกครึ่งคนเป็นพาหนะของพระนารายณ์ จึงใช้เป็นตราแผ่นดิน ไม่ใช่แข้ง...

สวัสดีคับพี่น้องชาวไก่ชนทุกท่าน วันนี้ผมจะมาถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้ที่มีใจรักในไก่เหลืองหางขาวพระเจ้าห้าพระองค์ไก่ชนพระนเรศวรทั้งมือใหม่หรือมือเซียนเพื่อเป็นข้อคิดหรือความรู้ไว้ถ่ายทอดให้กับชนรุ่นหลังต่อไปคับ ครูบาอาจารย์ท่านได้บอกไว้ว่าไก่ของพระนเรศวรนั้นมีลักษณะที่เป็นพญาไก่ นั้นก็คือ หน้าหงอนบาง กลางหงอนสูง สร้อยระย้า หน้านกยูง อกชัน ขวั้นชิด หงอนบิด ปากร่อง พัดเจ็ด ปีกสิบเอ็ด เกล็ดยี่สิบสอง บางท่านอาจจะร้องอ๋อ หรือบางท่านอาจจะขำเลยก็มี แต่ผมเชื่อว่าคนที่ชอบไก่เหลืองหางขาวมากกว่า 80% อาจจะยังไม่รู้ความหมายหรือว่ารู้แต่รู้ไม่จริง ต่อไปนี้ท่านลองอ่านแล้วลองพิจารณาในความหมายของแต่ละข้อดูนะคับว่าที่ผมอธิบายไปนี้จริงหรือไม่ “ หน้าหงอนบาง” คือ ช่วงหงอนที่ต่อจากปากบนมีลักษณะบางแล้วค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นพอเหมาะ “ กลางหงอนสูง” คือ ช่วงกลางหงอนจะต้องสูงแล้วค่อยลดต่ำลงจนปิดท้ายกระหม่อม “ สร้อยระย้า” คือ สร้อยคอต้องยาวมาทับสร้อยหลังไม่มีขาดช่วง ส่วนสร้อยหลังจะยาวเลยขวั้นหาง หนาและแข็ง “ หน้านกยูง” ตรงนี้สำคัญมากไม่แพ้จากการดูเกล็ดเลยนะคับ เพราะหน้าไก่พระนเรศวรนั้นจะม...

วันนี้ผมจะมาถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับคำว่า “อุดมทัศนีย์ไก่เหลืองหางขาว” แน่นอนครับหลายท่านคงเคยได้ยินมาบ้าง แต่เชื่อเถอะครับร้อย ละ 80 เข้าใจผิดหมด เพรา ะที่ท่านได้ยินมาจากสนามประกวดไก่หรือได้ฟังจากปากนักประกวดหรือนักศัลยกรรมไก่นั้น เขาจะพูดเพียงด้านเดียว ทำให้ท่านเข้าใจแบบผิด ๆ แทบทั้งสิ้น ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ ลูกหลานเราก็จะเข้าใจแบบผิด ๆ กันต่อไป หากเราติดกระดุมเม็ดแรกผิดเม็ดต่อไปก็ผิดหมด 🕯 เพราะฉะนั้นวันนี้ ผมจะมาชี้แจงถึงเหตุและผลให้พวกท่านได้คิดตาม อาจจะขัดใจหลายๆท่านอยู่บ้าง แต่หากท่านมีปัญญาพอที่จะพิจารณา ก็อาจทำให้ท่านเข้าถึงแก่นแท้ของไก่เหลืองหางขาวได้อย่างง่ายดาย ก่อนอื่นเราต้องมาแปลกันก่อนว่า “อุดมทัศนีย์” แปลว่าอะไร อุดม แปลว่า สูงสุด ยิ่ง เลิศ มากมาย บริบูรณ์ ทัศนีย์ แปลว่า น่าดู งาม เพราะฉะนั้นคำว่า “อุดมทัศนีย์” จึงแปลว่า งามสมบูรณ์แบบ แน่นอนครับคำว่า “สวย” ต้องมองด้วยตา แต่คำว่า “งาม” ต้องมองด้วยใจ คำว่า อุดมทัศนีย์ไก่เหลืองหางขาว จึงหมายถึง ไก่เหลืองหางขาวที่มีความงามสมบูรณ์แบบ หรือส ุดยอดของไก่ มีอาจารย์ท่านหนึ่ง (ผมไม่ขอเอ่ยนาม) ได้ใ...

สวัสดีคับพี่น้องชาวไก่ชนทุกท่าน วันนี้ผมจะมาพูดถึง ไก่เหลืองใหญ่หางขาวพระเจ้าห้าพระองค์ ไก่ชนพระนเรศวร สรุปแล้วสีเหลือง สีส้มหรือสีแดงกันแน่ บางท่านบอกว่าเหลืองใหญ่ต้องขาวอมแดง บางท่านบอกว่าเป็นสีเหลืองทอง หรือบางท่านบอกว่าต้องเป็นสีส้มสว่างเหมือนแสงอาทิตย์ใกล้รุ่ง จึงเป็นที่ถกเถียงกันมาช้านานไม่รู้จบ แต่ผมขอสรุปเลยละกันคับว่า ไก่พระนเรศวรเป็นโทนสี “แดง” โดยขอให้ทุกท่านดูตามเหตุและผลต่อไปนี้ 1. สีที่ทรงอำนาจมากที่สุด คงไม่พ้นสีแดง เพราะสีแดงเป็นสีที่แทนวันอาทิตย์หรือดวงอาทิตย์ที่คอยให้แสงสว่างแก่โลก ซึ่งเป็นสีอันดับหนึ่งของกำลังวันทั้ง 7 ตามคติความเชื่อของพราหมณ์ 2. เลือดในกายเราก็มีสีแดง ซึ่งเป็นสีที่หล่อเลี้ยงและเป็นจุดกำเนิดของสรรพชีวิต 3. แม่สีอันดับ 1 ก็คือสีแดง ที่ใช้ผสมกับสีอื่นแล้วเกิดเป็นสีต่างๆ มากมาย 4. สีที่ถือว่าเป็นสีนำโชคมากที่สุดคือ สีแดง เป็นสีแห่งความเป็นมงคลของชาวจีน เป็นสัญลักษณ์แทนธาตุไฟ ความโดดเด่นของสีแดงคือความสว่างไสวในยามมืดมิด คือความอบอุ่นในยามหนาว เป็นไฟที่ลุกโชน คือ ความรุ่งเรืองโชตช่วง พลังอำนาจ 5. ต้นกำเนิดของไก่พระนเรศวรคือสีแดง ข้อ...

เรียนผูกต้องรู้จักเรียนแก้!!! จากการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับไก่พระมหาอุปราชา (มังสามเกียด) เมื่อครั้งที่ชนกับไก่สมเด็จพระนเรศวร นั้น บางตำราระบุว่า ไก่มังสามเกียด มีสีเหลืองดอกหมากหางดำ บางตำราก็ระบุว่า สีเหลืองโยดอกหมากหางดำ เราจึงสามารถอนุมานได้ว่า ไก่ตัวที่พระมหาอุปราชานำมาชนกับไก่สมเด็จพระนเรศวรในวันนั้น คงจะมีสีขาวอมเหลือง เพราะ...สีของดอกหมาก คือ สีขาว ส่วนสีของโย ซึ่งมาจากคำว่า โยธกา หรือ โยทะกา เป็นดอกไม้ในวรรณคดี ที่มีสีขาวอมเหลือง หรือสีเหลืองอ่อน และอ่อนกว่าสีประภัสสร ซึ่งเรียกว่า สีโย ไก่ของพระมหาอุปราชาจึงมีสีเหลืองโยส่วนลักษณะของขนสร้อยจะคล้ายดอกหมาก พื้นตัวดำ หางดำ หงอนชี้นาคราช ตามตำราลักษณะไก่พม่าเลือดร้อย ในขณะนั้น ส่วนลีลาเชิงชน ตามตำราระบุไว้แค่ว่า เป็นไก่ที่ปราดเปรียวคล่องแคล่วว่องไว แม่นและบินตีเป็นต่อ 2 เท่าของไก่เหลืองหางขาว ส่วนลีลาเชิงชนนั้น จะเป็นโยก หลุด ถอด ถอย ชิ่ง วิ่งรำวง ม้าล่อ หรืออย่างไรต้องศึกษากันต่อไป ท่านใดมีความรู้ด้านนี้ก็แสดงความคิดเห็นได้ครับผม เพื่อการศึกษาและอนุรักษ์ของชนรุ่นหลังสืบไปครับ

วันนี้ผมจะมานำเสนอถึง ชั้นเชิงหรือลีลาการชนของไก่เหลืองหางขาว พระเจ้าห้าพระองค์ไก่ชนพระนเรศวร ที่สามารถเอาชนะไก่ของพระมหาอุปราชามังสามเกียดได้อย่างไร เพราะต่างรู้กันดีว่าไก่ไทยแท้นั้นมีความคล่องตัวช้ากว่าไก่พม่าถึงเท่าตัว แต่เซียนรุ่นเก่า ๆ จะบอกเล่าต่อ ๆ กันมาว่า ไก่ชนของพระนเรศวรนั้นมีลีลาการชนแบบ 8 กระบวนท่า 15 กระบวนยุทธ์ ซึ่งถือว่าเป็นไก่ที่ไม่ธรรมดาเลยที่เดียว ถึงจะเอาชนะไก่พม่าที่มีความเร็ว คล่องแคล้ว ว่องไว และมีความแม่นยำสูงได้ เพราะฉะนั้นไก่ของพระนเรศวรจึงถือว่าเป็นไก่ที่มี IQ สูง ชนโดยใช้สมอง รู้หลบหลีก ผ่อนหนักผ่อนเบา ออกแข้งแต่ละทีต้องหวังผลได้เลย ต่อไปเรามารู้จักกับ 8 กระบวนท่ากันเลย 8 กระบวนท่าได้แก่ 1. สาด 2. เท้าบ่า 3. หน้าตรง 4. ตั้ง 5. บน 6. มัด 7 .ลง 8. ล่ายชักลิ่ม ก็จะแบ่งย่อยออกเป็น 15 กระบวนยุทธ์ ได้ดังนี้ สาด คือ สาดแข้งเปล่า( 1) เท้าบ่า คือ เท้าบ่าตีตัว( 2) หน้าตรง คือ หน้ากระเพาะ( 3) หน้าคอ( 4) หน้าหงอน( 5) ตั้ง คือ โด่หัวสูงกันคอ( 6) บน คือ ขี่ทับ( 7) กอด( 8) ล็อค( 9) มัดคอ( 10) มัด คือ มัดโคนปีก( 11) มัดปลายปีก( 12) ลง ค...

เมื่อประมาณปี พ . ศ . 2110 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงชนไก่กับพระมหาอุปราชามังกะยอชวา ผลปรากฏว่า ขณะที่ไก่ของสมเด็จพระ นเรศวรและไก่ของพระมหาอุปราชาฟาดแข้งกันอย่างอุตลุดพัลวัน ไก่ของพระมหาอุปราชาก็มีอันล้มกลิ้งไปต่อหน้าต่อตา ส่วนไก่ของสมเด็จพระนเรศวรกลับกระพือปีกอย่างทรนง ขันเสียงใส เอาชัยเหนือไก่พระมหาอุปราชาได้ ทำให้พระมหาอุปราชาทรงพิโรธมาก จึงตรัสเสียดสีเหยียดหยามสมเด็จ พระนเรศวรว่า ไก่เชลยตัวนี้เก่งนัก เอาชนะไก่ของเราได้ สมเด็จพระนเรศวรจึงตรัสโต้ตอบเป็นเชิงท้าอยู่ในทีว่า ไก่ของหม่อมฉันนี้ ใช่เลี้ยงไว้ชนเอาสนุกชั่วครู่ยาม จะตีพนันเอาบ้านเอาเมืองกันก็ยังได้ เพราะฉะนั้น ไก่เหลืองหางขาวสายตี จึงเป็นไก่สกุลเหลืองหางขา วพระเจ้าห้าพระองค์ ที่สืบเหล่ากอมาจากไก่ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และยังคงสายเลือดอันบริสุทธิ์ มีลักษณะเข้าตำราพญาไก่ สามารถตีได้ตามตำนาน 8 กระบวนท่า 15 กระบวนยุทธ เป็นไก่ไทยแท้แต่โบราณ ที่อนุรักษ์ด้านลักษณะ สีสัน ชั้นเชิงสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น และยังไม่ผ่านการผสมกับสายเลือดอื่นใด จึงเรียกว่าไก่ เหลืองหางขาวสายตี ส่วนที่ผสมกับสายเลือดอื่นแล้วจะเรียก...

ไก่เหลืองหางขาวสายตี ไก่พระนเรศวร ไก่สวยงาม ไก่มงคล ไก่นำโชค ไก่เชิง ไก่เก่ง ไก่ไทย ไก่เจ้าเลี้ยง