ไก่เหลืองหางขาวสายตีคำนี้มาจากไหน
เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2110 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงชนไก่กับพระมหาอุปราชามังกะยอชวา ผลปรากฏว่า ขณะที่ไก่ของสมเด็จพระนเรศวรและไก่ของพระมหาอุปราชาฟาดแข้งกันอย่างอุตลุดพัลวัน ไก่ของพระมหาอุปราชาก็มีอันล้มกลิ้งไปต่อหน้าต่อตา ส่วนไก่ของสมเด็จพระนเรศวรกลับกระพือปีกอย่างทรนง ขันเสียงใส เอาชัยเหนือไก่พระมหาอุปราชาได้ ทำให้พระมหาอุปราชาทรงพิโรธมาก จึงตรัสเสียดสีเหยียดหยามสมเด็จพระนเรศวรว่า ไก่เชลยตัวนี้เก่งนัก เอาชนะไก่ของเราได้ สมเด็จพระนเรศวรจึงตรัสโต้ตอบเป็นเชิงท้าอยู่ในทีว่า ไก่ของหม่อมฉันนี้ ใช่เลี้ยงไว้ชนเอาสนุกชั่วครู่ยาม จะตีพนันเอาบ้านเอาเมืองกันก็ยังได้
เพราะฉะนั้น ไก่เหลืองหางขาวสายตี จึงเป็นไก่สกุลเหลืองหางขาวพระเจ้าห้าพระองค์ ที่สืบเหล่ากอมาจากไก่ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และยังคงสายเลือดอันบริสุทธิ์ มีลักษณะเข้าตำราพญาไก่ สามารถตีได้ตามตำนาน 8 กระบวนท่า 15 กระบวนยุทธ เป็นไก่ไทยแท้แต่โบราณ ที่อนุรักษ์ด้านลักษณะ สีสัน ชั้นเชิงสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น และยังไม่ผ่านการผสมกับสายเลือดอื่นใด จึงเรียกว่าไก่ เหลืองหางขาวสายตี ส่วนที่ผสมกับสายเลือดอื่นแล้วจะเรียกว่า เหลืองหางขาวพัฒนา เช่น การนำไก่สกุลเหลืองหางขาวผสมกับไก่ป่าก๋อย เพื่อให้ปากไวและเสริมเรื่องเบอร์แข้ง เป็นต้น ไก่เหลืองหางขาวสายเลือดแท้ จึงแตกต่างจากเหลืองหางขาวพัฒนาโดยสิ้นเชิง เพราะไก่เชิงไทยแท้จะชนแบบล็อค มุด มัด ใช้หน้าพิง เข้าบนกดลงล่าง แตกต่างจากสายเลือดป่าก๋อย ที่ใช้สีข้างพิง เข้าล่างช้อนขึ้นบน
คนที่เล่นไก่ชนมานานส่วนใหญ่จะอ่านเชิงชนของไก่ออก ว่าเหล่ากอมาจากสายพันธุ์ใด
และควรที่จะพัฒนาไปในทางใด เพราะฉะนั้นไก่เหลืองหางขาวสายตีจึงคู่ควรแก่การอนุรักษ์
คุณค่าควรเมือง สมกับที่สมเด็จพระนเรศวรทรงตรัสว่า "ไก่ของหม่อมฉันนี้ใช่เลี้ยงไว้ชนเอาสนุกชั่วครู่ยามจะตีพนันเอาบ้านเอาเมืองกันก็ยังได้"