เรียนผูกต้องรู้จักเรียนแก้!!! จากการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับไก่พระมหาอุปราชา (มังสามเกียด) เมื่อครั้งที่ชนกับไก่สมเด็จพระนเรศวร นั้น บางตำราระบุว่า ไก่มังสามเกียด มีสีเหลืองดอกหมากหางดำ บางตำราก็ระบุว่า สีเหลืองโยดอกหมากหางดำ เราจึงสามารถอนุมานได้ว่า ไก่ตัวที่พระมหาอุปราชานำมาชนกับไก่สมเด็จพระนเรศวรในวันนั้น คงจะมีสีขาวอมเหลือง เพราะ...สีของดอกหมาก คือ สีขาว  ส่วนสีของโย ซึ่งมาจากคำว่า โยธกา หรือ โยทะกา เป็นดอกไม้ในวรรณคดี ที่มีสีขาวอมเหลือง หรือสีเหลืองอ่อน และอ่อนกว่าสีประภัสสร ซึ่งเรียกว่า สีโย ไก่ของพระมหาอุปราชาจึงมีสีเหลืองโยส่วนลักษณะของขนสร้อยจะคล้ายดอกหมาก พื้นตัวดำ หางดำ หงอนชี้นาคราช ตามตำราลักษณะไก่พม่าเลือดร้อย ในขณะนั้น ส่วนลีลาเชิงชน ตามตำราระบุไว้แค่ว่า เป็นไก่ที่ปราดเปรียวคล่องแคล่วว่องไว แม่นและบินตีเป็นต่อ 2 เท่าของไก่เหลืองหางขาว ส่วนลีลาเชิงชนนั้น จะเป็นโยก หลุด ถอด ถอย ชิ่ง วิ่งรำวง ม้าล่อ หรืออย่างไรต้องศึกษากันต่อไป ท่านใดมีความรู้ด้านนี้ก็แสดงความคิดเห็นได้ครับผม เพื่อการศึกษาและอนุรักษ์ของชนรุ่นหลังสืบไปครับ

 ก้าวสู่ปีที่ 26 อย่างมั่นคง ตั้งแต่ พ.ศ.2540 - 2566 ในการอนุรักษ์ไก่เหล่าพระนเรศวร อันเป็นสายพันธุ์แท้ที่มีลักษณะตรงตามตำรา และชนได้จริงตามตำนานสมเด็จพระนเรศวร โจทย์แรกที่ผมทำสำเร็จก็คือการอนุรักษ์สายพันธุ์แท้เอาไว้ พร้อมทั้งการพัฒนาให้มีความเก่งในทุกมิติ จนพี่น้องหลายคนนำไปตั้งเหล่าตั้งกอเป็นของตนเองได้ บางคนนำไปชนชนะจนมีชื่อเสียง  (พ.ศ.2540) และอีกหนึ่งโจทย์ที่ผมตั้งใจไว้ก็คือ การที่ผมจะพัฒนาไก่พระนเรศวรสายตีให้มีลักษณะสวยงามเทียบเท่าไก่ประกวด โดยไม่มีการศัลยกรรมแต่งเติมเสริมส่วนใดๆทั้งสิ้น เพื่อให้ไก่เหล่าพระนเรศวรมีทั้งความเก่งและความสวยงาม ให้สมกับที่ขึ้นชื่อว่า ยอดไก่ พญาไก่ หรือไก่เจ้าเลี้ยง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโจทย์ที่ท้าทาย แต่ผมคิดว่า น่าจะทำได้ เพราะผมมีทุนเดิมอยู่แล้ว นั้นก็คือสายเลือดไก่เหลืองหางขาวที่ชนได้จริง นำมาพัฒนาให้สวยงามคงไม่ยาก แต่ต้องใช้เวลา ต่างจากไก่สวยงามที่มาจากการศัลยกรรมและที่ชนไม่ได้ จะนำมาทำให้พัฒนาชนได้ ก็คงชนได้เพลงเดียว คือ ยื่นตาเข้าหาเดือย (พ.ศ.2566)

เมื่อวันเวลาล่วงเลย  25   ศตวรรษ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุนิยมหรือการใช้ชีวิตประจำวันของคนเรา กำลังก้าวสู่จุดเริ่มต้นเหมือนกงเกวียน คนที่ผ่านการศึกษาวิทยาศาสตร์ควบคู่กับธรรมศาสตร์ย่อมรู้ดีว่า โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ เป็น  1  ปี   ดวงจันทร์หมุนรอบโลก   เป็น   1  เดือน โลกหมุนรอบตัวเองเป็น  1  วัน  เพราะฉะนั้นจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดคือจุดเดียวกัน   ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นจากธาตุดิน   เมื่อแตกดับก็ต้องกลับสู่ดินเป็นธรรมดา   โยนวัตถุให้ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าฉันใด   ไม่นานย่อมตงลงมาฉันนั้น   เอาแบบที่เห็นกันชัด ๆ เลยนะ   เมื่อก่อนเราดูหนังกลางแปลงจอให ญ่ ปัจจุบันกลายมาเป็นทีวีจอแบนใหญ่แทน  เมื่อก่อนขี่มอไซค์ตัวผู้คันใหญ่   ปัจจุบันกลายเป็นบิ๊กไบค์คันใหญ่แทน   เมื่อก่อนเราใช้กระดานชนวน   ปัจจุบันกลายเป็นแท็บเล็ต   เมื่อก่อนนอนเถียงนาเพิงหมาแหงน   แต่เดี๋ยวนี้นอนบ้านใหม่โมเดิล   เมื่อก่อนประชากรมีน้อยอยู่ห่างก ัน แต่เดี๋ยวนี้ประชากรมีมาก ก็ต้องอยู่ให้ห่างๆกันเหมือนเดิม  เมื่อก่อนคนส่...

  การเพาะพันธุ์ไก่ชนตามตำราโบราณ 1. การจับผสมแบบพ่อพันธุ์ 1 ตัวต่อแม่พันธุ์ 1 ตัว เพื่อให้น้ำเชื้อและการถ่ายทอดพันธุกรรมมีคุณภาพสูง คงความเป็นเอกลักษณ์ของสายพันธุ์ให้มากที่สุด ประกอบกับการเพาะพันธุ์แบบทำนายความเก่งตามสูตรสำเร็จที่ว่า ลักษณะ ลีลา สีสัน ชั้นเชิง มาจากพ่อ 30% โครงสร้าง เบอร์แข้ง จิตใจ มาจากแม่ 70% การเพาะพันธุ์ตามสูตรนี้เป็นที่มาของคำว่า “ไก่ลงเหล่า” 2. จับผสมเฉพาะช่วงเย็นในเวลาที่อากาศอบอุ่นที่สุดเพื่อให้พ่อพันธุ์อยู่ในจุดไคลแมกซ์ ลูกเหล่าที่เกิดมาจะมีความเก่ง และส่วนใหญ่จะเป็นตัวผู้ 3. คัดไข่เฉพาะใบเรียวยาวเก็บไข่ไว้ฟักเพียงแค่ไม่เกิน 5 ฟองต่อชุดเท่านั้น เพราะลูกเหล่าที่เกิดมาจะมีความเก่งความสมบูรณ์อยู่ที่ไข่ต้นท้อง และให้แม่ไก่กกไข่ได้ทั่วถึง ไม่ทับไข่แตก 4. เมื่อไก่ฟักเป็นตัวก็ให้แม่ไก่เลี้ยงลูกเองจนถึง 3 เดือน เพื่อเป็นการฝึกความแข็งแกร่ง ฝึกการหากินตามธรรมชาติ ประกอบกับการถ่ายทอดอุปนิสัยจากแม่สู่ลูก 5. รอลูกเหล่าแทงสีถึงนำมาแบ่งขายให้ได้ เพื่อให้ลูกค้าดูลักษณะได้ชัดเจน สีสันตรงตามโทนที่ต้องการ นี้ละคับจึงเป็นที่มาของลูกเหล่าสายตี มีปริมาณน้อยสม...

  มีหลายคนยังไม่เข้าใจ ยิ่งเป็นมือใหม่ ๆ แล้วละก็ไม่ต้องพูดถึงเลย หลายคนเกิดคำถามในใจว่า ทำมัยขนหางไก่ไม่ยาวสักที ทำมัยห้าพระองค์ไม่มาสักที หลายคนหลายความสงสัย เอาเป็นว่า เดี๋ยวเฮียละเล่าสู่ฟังคับ ไก่หนึ่งตัวจะมีขนกี่ชุดเราไม่รู้ได้ เพราะขึ้นอยู่ที่อายุไก่ แต่จะประมาณอายุกับการผลัดขนให้ดูประม าณนี้แล้วกันคับ 3-4 เดือนแทงสีผลัดขนลูกไก่ 5-7 เดือน ขันผลัดขนไก่รุ่น 8-10 เดือน ผลัดขนไก่หนุ่ม 11-12 เดือน ผลัดขนชนขวบ 13-15 เดือน ผลัดขนลูกแหลมลูกแซม 19-20 เดือน ผลัดขนหนึ่ง แล้วต่อไปครบรอบ HBD ก็จะผลัดขนปีละ 1 รอบ จนตายคับพี่น้อง มะพร้าวยิ่งแก่ยิ่งมัน ไก่ยิ่งแก่ยิ่งเหนียว ยิ่งเหนียว  ในที่นี้หมายถึง ขนเหนียว หนังเหนียว กระดูกเหนียว จิตใจเหนียว นักเลงไก่เขาเรียกว่า ไก่ได้อายุ ไก่ยิ่งผลัดขนหลายรอบเท่ารัย ขนก็จะยิ่งแข็งยิ่งยาว ขึ้นเท่านั้น สีก็จะค่อย ๆ อ่อนขึ้น ไก่บางตัวห้าพระองค์ก็จะมาหลังผลัดขน เผลอ ๆ บางตัวถึงกับหลุดด่างไปเลยก็มี เพราะฉนั้น อยากมีไก่สวยต้องใจเย็น เล่นไก่ต้องใจเย็น ๆ อย่าไปเก่งกว่าไก่ ดูตัวอย่าง เจ้าดาวกระจาย ที่ผมนำมาให้ดูแล้วกันคับ...

  สมัยโบราณผู้เฒ่าผู้แก่ชอบพูดเสมอว่า หากเราเอาไข่ไก่ข้ามสะพานจะฟักไม่เป็นตัวถ้าเป็นตัวก็จะไม่เก่ง แน่นอนคับ สมัยก่อนการเดินทางแสนจะลำบาก รถลาก็ยังไม่มี ระหว่างทางนำไข่ไก่ติดตัวไปด้วย ก็อาจจ ะหล่นแตก หรือพบเจอกับความชื้น พอมาถึงบ้านก็เอาไปฟัก เลยไม่เป็นตัว  ซึ่งต่างจากสมัยนี้ การขนส่งก้าวหน้า การซื้อขายไข่ไก่ชน ส่วนใหญ่ก็มีการรับประกันฟักเป็นตัว 80% แท้จริงแล้วการที่คนรุ่นเก่าเขาบอกว่า หากนำไข่ข้ามสะพาน ไข่จะฟักไม่เป็นตัว หรือเป็นตัวก็จะไม่เก่ง เป็นเพียงกุศโลบาย เพราะคนสมัยก่อนเขาจะห่วงเหล่าของตัวเองเป็นพิเศษ ( พูดไว้กันคนขอ ) หากไม่ใช่คนกันเองจริง ๆ ไม่มีทางที่จะมอบไข่เหล่าตัวเองให้ไปฟักเป็นแน่...

  พวกท่านรู้กันได้ยังงัยว่าไก่ที่ชนะการประกวดได้ถ้วยรางวัล คือสายพันธุ์แท้   ยกตัวอย่าง เช่น เจ้าครูมวย  ( ไก่นวม ) ของผม มีลั กษณะตามตำราไก่ประดู่หางดำทุกประการ แต่แท้จริงแล้ว นี้คือไก่พม่ารำวง เพราะฉะนั้นท่านจะรู้ได้อย่างไรว่า ไก่ที่มีลักษณะถูกต้องตามตำราทุกประการเป็นสายเลือดแท้ หากท่านไม่ตีดูเชิง ไก่ทุกสกุลจะมีเอกลักษณ์เชิงชนเป็นของตนเอง เช่น ไก่เหลืองหางขาวพระนเรศวรจะชนแบบ 8 กระบวนท่า 15 กระบวนยุทธ ไก่ประดู่หางดำพ่อขุนราม พระเอกา พระเจ้าเสือ จะชน 4 กระบวนท่า ส่วนสกุลอื่น ๆ ที่เป็นไทยแท้ก็จะชนแบบเดียวกับประดู่หางดำ แต่แตกต่างกันตามความฉลาดไหวพริบ รวม ๆ แล้วเรียกว่า เชิงไทย โดยมีเชิงหลัก คือ ล็อค มุด มัด นั่นเอง   หากท่านจะศึกษาก ันจริง ๆ แล้ว ต้องย้อนไปศึกษาที่ประวัติศาสตร์นำมาประกอบถึงจะรู้ว่าสายเลือดแท้เป็นอย่างไร อย่าดูที่เปลือกนอก เพราะเปลือกนอกเป็นแค่ภาพลวงตา ศัลยกรรมกันได้ แต่ต้องดูที่สายเลือดหรือชั้นเชิงที่ถ่ายทอดกันทางพันธุกรรม ถึงจะรู้ว่า แท้ ไม่แท้

  หลาย ๆ คนชอบมีคำถามในใจว่า ไก่เหลืองหางขาวสายตีเป็นยังงัย เพราะเคยได้ยินแต่ว่าไก่เหลืองหางขาวเป็นไก่สวยงาม เลี้ยงแล้วได้อะไร จะเลี้ยงดีมัย บทความนี้มีคำตอบคับ ข้อดีของไก่เหลืองหางสายตี มีดีดังนี้คับ 1. เลี้ยงไว้ชนไว้ตี ก็ชัดเจนอยู่แล้วคับว่าเหลืองหางขาวสายตีก็ต้องมีไว้ชน เพราะไก่เหลืองหางขาวสายตีเป็นไก่ไทยแท้ที่ยังสามารถชนได้ตามตำนานสมเด็จพระนเรศวร เมื่อครั้งชนกับไก่พระมหาอุปราชาที่กรุงหงสาวดี ไก่ของสมเด็จพระนเรศวรมีชั้นเชิงแบบ 8 กระบวนท่า 15 กระบวนยุทธ จึงสามารถเอาชัยเหนือไก่พม่าได้ ไก่เหลืองหางขาวสายตีจึงถือว่าสายเลือดแท้ 2. เลี้ยงไว้ประกวด ไก่เหลืองหางขาวสายตีเป็นไก่ที่ยังคงลักษณะตามตำราไก่พระนเรศวร ที่มีลักษณะย่อมกระ 5 พระองค์ หน้าหงอนบาง กลางหงอนสูง สร้อยระย้า หน้านกยูง อกชัน ขวั้นชิด หงอนบิด ปากร่อง พัดเจ็ด ปีกสิบเอ็ด เกล็ดยี่สิบสอง และมีเกล็ดพิฆาตตามตำรา ตัวไหนที่สวยงามก็สามารถเลี้ยงขุนแบบไก่สวยงามเพื่อใช้ประกวดได้ ขอแค่เราอย่าไปศัลยกรรมไก่ให้มันเสื่อมเสียวงการ เสื่อมเสียพระเกียรติของสมเด็จพระนเรศวร จนเป็นบาปเป็นกรรมต่อตนเอง ชีวิตจะไม่เจริญก้าวหน้า ลูกหลานตกต่ำ เพร...

  เมื่อประมาณปี พ . ศ . 2110 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงชนไก่กับพระมหาอุปราชามังกะยอชวา ผลปรากฏว่า ขณะที่ไก่ของสมเด็จพระ นเรศวรและไก่ของพระมหาอุปราชาฟาดแข้งกันอย่างอุตลุดพัลวัน ไก่ของพระมหาอุปราชาก็มีอันล้มกลิ้งไปต่อหน้าต่อตา ส่วนไก่ของสมเด็จพระนเรศวรกลับกระพือปีกอย่างทรนง ขันเสียงใส เอาชัยเหนือไก่พระมหาอุปราชาได้ ทำให้พระมหาอุปราชาทรงพิโรธมาก จึงตรัสเสียดสีเหยียดหยามสมเด็จ พระนเรศวรว่า ไก่เชลยตัวนี้เก่งนัก เอาชนะไก่ของเราได้ สมเด็จพระนเรศวรจึงตรัสโต้ตอบเป็นเชิงท้าอยู่ในทีว่า ไก่ของหม่อมฉันนี้ ใช่เลี้ยงไว้ชนเอาสนุกชั่วครู่ยาม จะตีพนันเอาบ้านเอาเมืองกันก็ยังได้   เพราะฉะนั้น ไก่เหลืองหางขาวสายตี จึงเป็นไก่สกุลเหลืองหางขา วพระเจ้าห้าพระองค์ ที่สืบเหล่ากอมาจากไก่ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และยังคงสายเลือดอันบริสุทธิ์ มีลักษณะเข้าตำราพญาไก่ สามารถตีได้ตามตำนาน 8 กระบวนท่า 15 กระบวนยุทธ เป็นไก่ไทยแท้แต่โบราณ ที่อนุรักษ์ด้านลักษณะ สีสัน ชั้นเชิงสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น และยังไม่ผ่านการผสมกับสายเลือดอื่นใด จึงเรียกว่าไก่ เหลืองหางขาวสายตี ส่วนที่ผสมกับสายเลือดอื่นแล้วจะเรียก...

  วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องเกล็ดไก่พระนเรศวร ว่ามีลักษณะอย่างไร แน่นอนครับหลายคนที่ไม่ได้ศึกษาอย่างถ่องแท้ก็เข้าใจผิด ๆ คิดกันไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าเกล็ดไก่พระนเรศวรที่ดีต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ หลงประเด็นกันหมด แม้แต่ในสนามประกวดเองยังไม่เคยพูดถึงหรือให้ความหมายได้ชัดเจนเลย ผมเคยพูดอยู่เสมอว่า เกล็ดไก่เปรียบเสมือนลายมือคน คนที่มีอำนาจวาสนาบารมีก็จะมีเส้นลายมือพุ่งตั้งแต่ข้อมือถึงโคนนิ้ว เกล็ดไก่ก็เหมือนกัน ไก่ที่มีอำนาจวาสนาบารมีจะดูจากเกล็ดอะไร สำหรับคนที่เลี้ยงไก่อย่างเดียวแต่ไม่เคยสัมผัสการชนไก่หรือเปรียบไก่เลย รับรองคับอ่านไม่ออกแน่ งงละสิ เอาเป็นว่าผมจะแยกให้ตามนี้คับ การดูอำนาจจากเกล็ดไก่นั้นให้ดูจากเกล็ดหลัก ก็คือเกล็ดแข้ง ส่วน การดูวาสนาบารมีให้ดูจากเกล็ดรอง เกล็ดแข้งหลักมีดังนี้ เกล็ดแข้งพญาครุฑ เกล็ดแข้งจรเข้ขบฟัน เกล็ดแข้งพันลำ เกล็ดแข้งกำไล เกล็ดแข้งงูเหลือม ฯลฯ แน่นอนคับไก่พระนเรศวรมีอำนาจมากสุดก็ต้องเป็นแข้งพญาครุฑเท่านั้น   เพราะครุฑเป็นอมนุษย์กึ่งสัตว์กึ่งเทพตามความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ มีรูปร่างครึ่งนกครึ่งคนเป็นพาหนะของพระนารายณ์ จึงใช้เป็นตราแผ่นดิน ไม่ใช่แข้ง...